AI แบบสร้างสรรค์กับ AI แบบดั้งเดิม: ความแตกต่างคืออะไร?
สำรวจแอปพลิเคชัน AI ในความปลอดภัยทางไซเบอร์

Category
Corporate / News
Case studies
Solutions
Industry
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปลี่ยนแปลงวิธีที่เราใช้ชีวิต ทำงาน และตัดสินใจอย่างมีนัยสำคัญ แต่ AI ไม่ได้มีรูปแบบเดียวสำหรับทุกสถานการณ์ โดยทั่วไป AI แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก: Generative AI และ Traditional AI ซึ่งแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์และความสามารถที่แตกต่างกัน
การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการเลือกโซลูชันที่เหมาะสม ปรับปรุงกระบวนการ และสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
AI แบบดั้งเดิมคืออะไร?

AI แบบดั้งเดิม คือระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล ระบุรูปแบบ และตัดสินใจหรือทำนายผลลัพธ์ตามอัลกอริทึมและกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยทั่วไปโมเดลเหล่านี้ได้รับการฝึกจากชุดข้อมูลที่มีการติดป้ายกำกับ (labeled data) และทำงานได้ดีเยี่ยมเมื่อใช้กับงานที่มีขอบเขตชัดเจน ด้วยความสามารถในการทำงานภายในกรอบที่กำหนด ทำให้ Traditional AI เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น:
- ตรวจจับการฉ้อโกงทางการเงิน
- การรู้จำเสียงพูดและภาพ
- ระบบแนะนำสินค้า (เช่น Netflix, Amazon)
- ผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียง เช่น Siri และ Alexa
- อัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา
Traditional AI เป็นระบบที่ทำงานแบบ “ตอบสนองตามข้อมูล” ไม่ได้สร้างเนื้อหาใหม่ แต่ประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก คำตอบ หรือการคาดการณ์ที่แม่นยำ จุดแข็งสำคัญคือ ประสิทธิภาพ ความถูกต้อง และความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะสำหรับงานที่ซ้ำ ๆ หรือมีชุดกฎที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
AI แบบสร้างสรรค์คืออะไร?

AI แบบสร้างสรรค์ เป็นรูปแบบของปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถ สร้างเนื้อหาใหม่ ได้โดยเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก แตกต่างจาก AI แบบดั้งเดิมที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล Generative AI สามารถผลิตข้อความ รูปภาพ เพลง หรือแม้แต่โค้ดโปรแกรมขึ้นมาได้ ตัวอย่างงานที่ AI แบบสร้างสรรค์สามารถทำได้ ได้แก่
- เขียนบทความหรือเรื่องราว
- วาดภาพหรือออกแบบโลโก้
- ตอบคำถามในลักษณะคล้ายมนุษย์
- เขียนและแนะนำโค้ดโปรแกรม
AI ประเภทนี้ทำงานโดยการเรียนรู้รูปแบบจากข้อมูลและสร้างสิ่งใหม่ที่มีลักษณะคล้ายต้นแบบ จึงมีประโยชน์อย่างมากในหลายอุตสาหกรรม เช่น การตลาด การออกแบบ การบริการลูกค้า และการพัฒนาซอฟต์แวร์
เครื่องมือยอดนิยม เช่น ChatGPT (สร้างข้อความ), DALL·E (สร้างภาพ) และ GitHub Copilot (สร้างโค้ด) เป็นตัวอย่างการใช้งานจริงที่ช่วยให้ธุรกิจ ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
AI แบบสร้างสรรค์และ AI แบบดั้งเดิมมีประโยชน์ต่อความต้องการทางธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างไร

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง AI แบบสร้างสรรค์ และ AI แบบดั้งเดิม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท เพราะ AI ทั้งสองรูปแบบมีจุดแข็งและฟังก์ชันที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
- AI แบบสร้างสรรค์ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการปรับแต่งเฉพาะบุคคล เช่น การสร้างเนื้อหา งานออกแบบ หรือสื่อการตลาด จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ที่ต้องผลิตคอนเทนต์ไดนามิกเพื่อโฆษณา โซเชียลมีเดีย หรือการสื่อสารกับลูกค้า
- AI แบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้าง เพื่อค้นหาข้อมูลเชิงลึก ทำนายผลลัพธ์ และสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ โดยโดดเด่นในงานอัตโนมัติที่ซ้ำ ๆ การเพิ่มประสิทธิภาพ และการคาดการณ์แนวโน้ม โดยเฉพาะในด้านการเงิน การขาย และการตลาด
เมื่อธุรกิจเข้าใจจุดเด่นของแต่ละประเภท ก็สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมได้อย่างเต็มที่ — ใช้ AI แบบดั้งเดิม เพื่อเสริมประสิทธิภาพกระบวนการ ลดต้นทุน และตัดสินใจบนข้อมูลที่แม่นยำ ขณะเดียวกันใช้ AI แบบสร้างสรรค์ เพื่อดึงดูดลูกค้า เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และสร้างเนื้อหาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะตัว
ปัจจุบันหลายองค์กรเลือก ผสานการทำงานของ AI ทั้งสองรูปแบบเข้าด้วยกัน—ใช้ AI แบบสร้างสรรค์สำหรับงานนวัตกรรม และใช้ AI แบบดั้งเดิมสำหรับงานวิเคราะห์และการตัดสินใจเชิงข้อมูล การผสมผสานนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม และมอบความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
วิธีที่ Hashed Analytics ใช้ AI ในการปรับปรุงการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

ที่ Hashed Analytics เรามุ่งเน้นการนำ AI แบบดั้งเดิม มาช่วยธุรกิจจัดการข้อมูลสำคัญอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ผ่านโซลูชันที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น โดยเราช่วยองค์กรในด้านสำคัญดังนี้
1. Real-Time Data Lakehouse
- เราออกแบบระบบที่สามารถรวบรวมและประมวลผลข้อมูลจากหลายแหล่งได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงข้อมูลล่าสุดทันที และดึงข้อมูลเชิงลึกที่พร้อมนำไปใช้ได้ตลอดเวลา
2. Data Engineering
- เราช่วยจัดการ จัดระเบียบ และปรับโครงสร้างข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่สะอาด พร้อมใช้งาน เพื่อให้การวิเคราะห์ทำได้แม่นยำและลึกซึ้งยิ่งขึ้น การมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นระบบคือรากฐานของการตัดสินใจที่ดี
3. Metrics & Analytics
- เราวางระบบตัวชี้วัดสำคัญ (KPI) และเมตริกเชิงธุรกิจที่ช่วยให้บริษัทสามารถติดตามประสิทธิภาพได้อย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจบนข้อมูลจริง ลดความคลุมเครือ และวางกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น
4. Data Visualization
- เรานำข้อมูลที่ซับซ้อนมาแปลงเป็นภาพที่เข้าใจง่าย เช่น กราฟ แผนภูมิ และ dashboard อินเทอร์แอกทีฟ ช่วยให้ทีมงานทุกระดับสามารถตีความข้อมูลและตอบสนองต่อสถานการณ์ได้รวดเร็ว
การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ
.jpg)
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง AI แบบดั้งเดิม และ AI แบบสร้างสรรค์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- AI แบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล การทำงานอัตโนมัติ และการคาดการณ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ กระบวนการ และความแม่นยำในการตัดสินใจ
- AI แบบสร้างสรรค์ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ เช่น ข้อความ ภาพ หรือโค้ด ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับความคิดสร้างสรรค์และเสริมประสบการณ์ของลูกค้า



